วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

[SF] ASK.yangyang - หยางเฟิง










“เฟิงเกอ”
“...”
“เฟิงเฟิง”
“...”
“หลี่อี้เฟิง!




เสียงทุ้มนุ่มเรียกอยู่นานสองนานกว่าเจ้าของชื่อนั้นจะรู้สึกตัวก็ถูกเรียกด้วยเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ หลายระดับจนดังมากที่สุดเท่าที่หยางหยางจะทำได้ในช่วงเวลาที่ยืนอยู่ตรงนี้  ก็เป็นที่สาธารณะก็ดังได้แค่ระดับเท่าที่คนสองคนได้ยินเท่านั้น


“ก็เอ่อ....คือ..”
“เฟิงเฟิงจะตอบคำถามผมได้รึยังล่ะ ที่ผมให้เกอไปหาคำตอบมา เกอน่ะ จะว่าไง”



อี้เฟิงไม่พูดอะไร เฉไฉไปมา คำถามที่หยางหยางให้ไปหาคำตอบ มันไม่ยาก ไม่ใฃ่โจทย์คณิตศาสตรืหรือวิชาการอะไรยากมากมายเลย




แต่อี้เฟิง ไม่อยากตอบ ไม่คิดจะตอบ
อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่อ่ะ มัน..มันมีเหตุผลน้าที่ไม่กล้าตอบไป 
อี้เฟิงคิดกับตัวเอง แต่วันนี้เขาก็พาลมาพบเจออีตาคนที่ทำให้เขานอนไม่หลับกับคำถามนั้นที่โดนถาม



“ไม่ตอบโว้ย”
“เกอ บ่ายเบี่ยงอีกแล้ว”
“ไม่รู้ไม่ชี้~~~~~” พูดจบคนหน้าตาน่ารักทำไม่รู้ไม่ชี้อย่างที่ว่า เดินหลบฉากไปทางอื่นเฉย วันนี้หยางหยางและอี้เฟิง บังเอิญ(หรือเปล่าน้า) เจอกันในสตูดิโอถ่ายแมกกาซีนใจกลางเมืองหลวงแห่งหนึ่งชื่อดังมากถึงขนาดเป็นศูนย์รวมซีนสวย ๆ ฉากดี ๆ ไว้เพื่อถ่ายแบบ ส่วนมากดาราไอดอลดัง ๆก็จะอยู่แถวนี้

และไอ้เรื่องที่ทั้งคู่มาพบกันสองต่อสอง ไม่ต้องถามไม่ต้องสงสัยกันแล้วล่ะ ทั้งวงการเขาก็รู้แค้ไม่พูดอะไร เพราะมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างสองคน คนอื่น ๆ ก็ทำได้เพียงแต่เอาใจช่วยหรือคอยจะแช่ง ก็ตามแต่สะดวกใจ

ทีมงานของหยางหยางปล่อยให้ชายหนุ่มมาพบอี้เฟิง อี้เฟิงที่นั่งเล่นอยู่ตรงร้านคอฟฟี่ชอปของตึกนี้นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ แต่พอรู้ว่าหยางหยางก็อยู่ตึกนี้ด้วย เขากำลังจะหลบไปแท้ ๆ แต่เจ้าหมาป่านั่นตามกลิ่นเจอซะก่อนแล้วก็มาทวงคำตอบที่ถามเขาไว้เมื่อวันก่อน


ฉันไม่ตอบหรอกโว้ย! อี้เฟิงตะโกนในใจ ตอนนี้เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป แต่ยังเดินหนีไปไม่ได้ เพราะแขนถูกรั้งไว้ด้วยแขนของชายหนุ่มอายุน้อยกว่า หน้าตาหล่อเหลา ก็หยางหยางนั่นล่ะ รั้งเขาไว้ เหมือนว่าถ้าวันนี้ไม่ไดคำตอบก็จะไม่ปล่อยให้ไปไหน


“เกอครับ ผมอยากรู้จริง ๆ นะ”
“ไม่ตอบ ยังไม่มีคำตอบให้”
“ไม่จริง เกอน่ะ มีคำตอบในใจแล้ว แค่ไม่บอกผม ขอเหตุผลได้มั้ยว่าทำไม"
"ก็ไม่อยากตอบอ้ะ!"

หยางหยางยิ้มน้อยที่มุมปาก ดูเจ้าเล่ห์จนอี้เฟิงนึกอยากหาอะไรฟาดหน้า แต่ทำไม่ได้ เพราะรอยยิ้มนั่นทำให้อี้เฟิงหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน ดวงตากลมโตหรี่เล็กลงมองอีกฝ่ายที่ทำตาทำกรุ่มกริ่ม ทำท่าทางเจ้าเล่ห์และมองมาที่อี้เฟิง ยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่ คนน่ารักก็เลยสะบัดค้อนใส่ควับเข้าให้ นั่นทำให้หยางหยางหัวเราะให้ได้ยิน


“จะไม่ตอบจริง ๆ น่ะหรอเกอ”
“เออ!


อี้เฟิงบ่ายเบี่ยงไม่ตอบ ไม่อยากพูด ยิ่งนึกถึงคำถามยิ่งหน้าร้อน แดงเห่อไปทั่ว เจ้าของหน้าคิดว่าถ้าเทียบนี่ก็คงเป็นในระดับกระทะร้อนทอดไข่สุกแล้ว คุณเทพบุตรแห่งชาติไม่คิดเลยว่าตลอดชีวิตเกือบสามสิบขวบบนโลกใบนี้จะต้องมาแพ้ทางไอ้ผู้ชายหน้าตาเจ้าเล่ห์ กับคำถามเพียงคำถามเดียวที่โดนจู่โจมจนทำให้ใจเขวเป๋ไปข้างอย่างนี้แถมตอนยโดนถามในอกวูบไหวเหมือนสาวน้อยแรกแย้มอย่างไรอย่างนั้น


“ตอบผมเถอะ นะครับเกอ ผมอยากรู้” เสียงทุ้มออดอ้อน ไม้ขู่ไม่ได้ผลก็เลยนึกใช้ไม้อ่อน อ้อนใส่อี้เฟิงใหญ่ คนน่ารักยิ่งละเหี่ยใจ นึกอยากเขกหัวตัวเอง แพ้! แพ้อีกแล้ว ความหยางหยาง แพ้ทุกอย่าง แพ้ไอ้หมาป่านี่ทุกอย่าง
“อะ..เอ่อ”
“เกอครับ ..หรือว่าเกอจำคำถามไม่ได้ งั้นผมจะถามอีกรอบนะครับ เผื่อคำถามมันยังไม่ซึมเข้าไปในหัวใจของเกอ~~"

ดูมันพูด ...อี้เฟิงคิดพร้อมกับมองหน้าตากวน ๆ แต่หล่อเหลาจนอี้เฟิงอ่อนใจ ใจอ่อนทุกครั้งที่ได้มอง

หยางหยางปล่อยแขนอี้เฟิงจากที่รั้งไว้นาน แต่อี้เฟิงไม่นึกจะหนีอีกแล้ว กลับยืนฟังคำถามอีกครั้ง ตามที่หยางหยางบอกว่าจะถามเขาอีกรอบ


คนน่ารักถอนหายใจสองสามรอบ ไม่ใช่เบื่อหยางหยางแต่ใจเต้นกว่าเดิมจนต้องระบายให้หายตื่นเต้น ก่อนหน้าที่ถามคำถามเดียวกัน เขาก็ใจเต้นจนแทบวาย ทีมงานเกือบมาช่วยพยุงแทบไม่ทัน

แล้ววันนี้ล่ะ ? ท่าทางหมอนี่มาคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาให้ได้ด้วย ซึ่งเป็นเดือนแล้วที่อีเฟิงเลี่ยงไม่ตอบ เหมือนกับวันนี้ อี้เฟิงจะต้องให้คำตอบกับหยางหยางแล้วล่ะ






“เห้อ” ... อี้เฟิงถอนหายใจเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง  ใครมันจะไปตอบวะ! คำถามแบบนั้น






แค่นึกก็เขินแล้ว




#หลี่อี้เฟิงกำลังจะบ้า (ขอใส่แทกให้ตัวเอง)



“ผมขอทวนคำถามนะครับ คุณหลี่อี้เฟิง ได้โปรดตอบผมด้วย”


อี้เฟิงกลืนน้ำลายลงคอ รอฟังด้วยใจเต้นรัว


จริง  ๆ  มันก็คือคำถามธรรมดานั่นล่ะ แต่เพราะว่าหยางหยางพูดมันเลยหวานจับใจ




“คุณหลี่อี้เฟิง ผมรักคุณ แล้วคุณล่ะครับ รักผมด้วย คิดแบบเดียวกันกับผมใช่มั้ย”




จะให้หลี่อี้เฟิงคนนี้ตอบอะไรอีก! จะให้ต้องพูดอะไรอีกวะ ? เห็นกันอยู่ทุกครั้งที่เจอกันว่าเขินใส่ หน้าแดงไปหมด อาการเป็นสาวแรกแย้มแบบนั้นจะให้ฉันตอบเอ็งไปทำเพื่ออะไรอีก ! แล้วอะไรน่ะ หยางหยาง แววตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ฉัน เอ็งรู้อยู่แล้ว ไอบ้า!  แล้วมาให้ฉันพูดคำว่า รัก ต่อหน้านายทั้งที่รู้ว่าฉันคิดแบบเดียวกัน




คำ ๆ นั้นน่ะ ไม่พูดหรอก เก็บไปนอนฝันเลย เจ้าหมา! ฉัน หลี่อี้เฟิงคนนี้น่ะ



คนนี้น่ะ!



เขินเกินกว่าจะพูดออกไปเว้ย!


./////////.







--- END------

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

[SF] SWEET PAPER - #ฮุนฮาน SEHUN x LUHAN




TITLE :: SWEET PAPER
PARING :: SEHUN x LUHAN
RATE :: PG
TELL :: เรื่องที่สองของคู่นี้จากแม่แมวค่า เอนจอยจ้า ถ้าหากมีคอมเม้นท์อะไรฝากไว้ในนี้หรือในแทกฟิค #สวีทเปเปอร์



“ตอนนี้ผมมีปัญหาอยู่ก็คือ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำให้คนที่ผมชอบเขาตกหลุมรักผมได้อย่างไร”

บทสัมภาษณ์ประโยคสุดท้ายหลังจากคุณนักข่าวจากชมรมของมหาวิทยาลัยได้ส่งคำถามสุดท้ายให้โอเซฮุน เดือนคณะสุดฮอต พ่วงเดือนมหาวิทยาลัย หล่อเหลามากถึงขนาดเดือนรุ่นใหม่ก็ยังไม่เทียบ เก่งรอบด้าน เรียกได้ว่าเข้าใกล้คำว่า      เพอร์เฟคอย่างที่ใครก็ไม่สามารถค้านได้

“ขอบคุณมากครับสำหรับบทสัมภาษณ์..เอ่อ หากลงในปักษ์ถัดไปแล้ว ผมกับเพื่อนจะเอาหนังสือมาให้นะครับ”
“ได้ ผมจะรอนะ”


ลู่หาน หรือคุณนักข่าวจำเป็นในวันนี้มาแทนเวรของเพื่อนที่จะต้องไปทำงานให้อาจารย์ ลู่หานที่ว่างอยู่จากการเขียนต้นฉบับ เขารับบทบาททั้งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัยและคนเขียนคอลัมน์ด้วย แต่วันนี้เขาจำต้องมารับบทคุณนักข่าวมาสัมภาษณ์เสียเองแทนที่จะส่งงานให้คนอื่นไป ก็คนอื่นคนนั้นดันไม่ว่าง

แต่คิวสัมภาษณ์วันนี้โหดนักหนา เพราะเป็นโอเซฮุน เดือนมหาวิทยาลัย สรรพคุณก็อย่างที่บรรยายไปข้างต้นแล้ว ก่อนเข้ามาในห้องขมรมบาสเกตบอลที่เซฮุนนั่งรอสัมภาษณ์อยู่ก็ทำใจแล้วทำใจอีก ไม่กล้าสู้หน้าพ่อคุณเขาเลย ลู่หานบ่นในใจก่อนผลักประตูเข้ามาในห้องก่อนที่คนที่นั่งรอให้สัมภาษณ์อยู่จะรอนานกว่านี้ พอได้สู้หน้าหล่อ ๆ นั่น ลู่หานก็ยิ่งไปไม่เป็น แรกเริ่มเลย มือน้อย ๆ ของลู่หานดันทำเครื่องเล่นเพลงราคาแพงของชมรมร่วมต่อหน้าคุณชายรูปหล่อตรงหน้า เป็นสัญญาณทักทายแทนที่จะเป็นเสียงหวานของคุณนักข่าวเสียอย่างนั้น


อากัปกริยาทั้งหมดทั้งปวง ความเปิ่นของลู่หานที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เป็นเพราะลู่หานประหม่ามากเกินไป

ความประหม่านี้เกิดจากอะไรล่ะ ? ใช่แล้ว



ก็เพราะลู่หานชอบเขาน่ะสิ โอเซฮุนคนนี้น่ะ!


“เอ่อ วันนี้ ผมขอตัวก่อน ไม่รบกวนเซฮุนต่อแล้วกัน ขอบคุณที่เสียเวลามาให้เรานะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง จะนานกว่านี้ยังได้เลย”


พูดจบคุณชายรูปหล่อก็ส่งยิ้มสะท้านหัวใจคนที่ชอบแถมด้วยแววตาที่เหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง ลู่หานไม่กล้าสบตาเกิน 3 วินาที ตาหวานกวางน้อยหลบตาเบี่ยงไปทิศอื่นแสร้งดูของในมือว่าครบหรือยัง ก่อนโค้งหัวให้และวิ่งออกไปจากห้องชมรมบาส ฯ ซะก่อนจะหัวใจวายตาย



“โอย บ้าเอ๊ย เซฮุนนนนนนนนนนนน นายทำฉันเป็นบ้ารู้รึเปล่าวะ”


ลู่หานตะโกนในใจใส่ตัวเอง แต่มีหลุดทำท่าทางสุดจะทนออกมาหลังวิ่งหนีเซฮุนจากห้องชมรมมาไกล นักข่าวจำเป็นตัวเล็กยังคงก่นด่าว่าเซฮุนในใจเพราะทำให้เขาเป็นบ้าแบบนี้ ด่าไปก็บอกชอบเขาไปคำต่อคำ ปากบ่นว่าไม่ไหวแล้ว จะชอบมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ


“ให้ตายเหอะ เวลาเหมาะเหลือเกิน ทำไมฉันต้องมาสัมภาษณ์เซฮุนวะ ดีที่เมื่อกี้เก็บอาการทัน ไม่งั้นโป๊ะแตกแน่ ๆ “

ความจะบ้าตายของลู่หานยังไม่หมด เมื่อนึกไปถึงแววตาไม่น่าไว้ใจของเซฮุนเมื่อครู่ และรอยยิ้มสุดจะหล่อเกินทนของเขา ลู่หานเป็นคนประเภทเขินง่ายหายลำบากอยู่แล้ว ยิ่งมาอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบเอามาก ๆ แบบนี้ คงมีบ้างที่หลุดอะไรออกไปให้อีกฝ่ายแปลกใจเล่น ๆ ทีแรก ๆ ก็แค่มองเฉย ๆ ก็คิดว่าหล่อดี เผลอตัวเข้าหน่อย ไม่เท่าไหร่ก็เพ้อเจ้อถึงเขา ถึงขั้นเขียนไดอารี่น้อยตามประสาคนขีด ๆ เขียน ๆ ถึงเขาคนนี้เสียแล้ว ลู่หานอ่านลายมือหวัด ๆ ของตัวเองในไดอารี่นั่นก็รู้สึกว่าชอบเขาเกินไปแล้ว



“เฮ้อ ลู่หานเอ๊ย “

ถึงจะได้ใกล้เขามากถึงขนาดไปนั่งสัมภาษณ์เขาเป็นชั่วโมง ๆ แต่คำถามสุดท้ายที่ถามเซฮุนไปว่าช่วงนี้มีปัญหา และปัญหานั้นของเซฮุนก็ทำให้คนที่รอคำตอบอย่างลู่หานใจกระตุกวาบตกไปตาตุ่ม เพราะเขาเอ่ยถึงคนที่เขาชอบต่อหน้าโดยไม่ปิดบัง จริง  ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ปิดบัง และเท่าที่ติดตาม(และสโตรคเกอร์)นิสัยของเซฮุนก็ไม่ใช่พวกที่ชอบสร้างเรตติ้ง เรียกความฮ็อตใส่ตัวเอง เขาจึงพูดตามตรงตามใจที่อยากบอก แต่คำตอบเฉือนใจคนถามเป็นบ้า


ใบหน้าหวานมู่ทู่และแถมถอนหายใจแรง ๆ อีกครั้ง ก่อนกลับห้องชมรม ในระหว่างเดินแม้ในใจจะสับสนปั่นป่วน ทั้งดีใจที่ได้อยู่ใกล้ ๆคนที่ชอบ แต่ก็ใจหายที่รู้ว่าเขามีคนที่ชอบมากขนาดนั้นแล้ว มือก็คว้าเครื่องเล่นเพลงของชมรมมากดฟังสัมภาษณ์นั้นอีกรอบ เสียงเซฮุนนุ่มทุ้มจนเคลิบเคลิ้มไปแต่ประโยคที่ตอบเฉือนใจคนที่ชอบเซฮุนแบบลู่หานจริง ๆ


“อยากรู้จัง ว่าเซฮุนชอบใคร”

เอ่ยกับตัวเองเสียงเบาจบ ลู่หานก็เหลือบไปเห็นที่นั่งข้าง ๆ สวนสวยในมหาวิทยาลัย เป็นสวนที่เดินผ่านเป็นประจำหากเขาจะกลับบ้าน และเป็นที่ที่อยู่ระหว่างทางไปชมรมบาสฯและชมรมนักข่าวด้วย เขาก็นึกขอบคุณที่ตึกชมรมของตัวเองอยู่ท้ายมหาวิทยาลัย แม้จะเดินเข้ามาไกลจนเหนื่อยแต่เพราะโรงพลศึกษาที่เป็นที่ตั้งใจชมรมบาสฯที่เซฮุนประจำอยู่มันอยุ่ที่นี่ เขาจึงไม่อิดออดอีกเลยเมื่อคิดว่า เขาอยู่ใกล้เซฮุนไม่เท่าไหร่เอง


แต่ใกล้แค่ไหนจะใกล้ใจเขา เซฮุนมีคนที่ชอบแล้ว ยิ่งคิดลู่หานก็รู้สึกท้ออย่างบอกไม่ถูก


“อู้งานหน่อยแล้วกัน มีบทความที่ต้องตรวจอีกไม่เท่าไหร่ นั่งกินลมตรงนี้ซักหน่อยคงไม่เป็นไร”



บอกกับตัวเองเสร็จสรรพ ตัวเล็ก ๆ ก็ทรุดนั่งตรงที่นั่งว่าง ๆ ตรงนั้น แต่นั่งไปนานเข้าหน่อยแล้วพบว่ามันร้อนไม่ใช่เล่น แดดช่วงบ่ายยังส่องหัวเปรี้ยง ลู่หานจึงเบ้หน้าใส่ที่นั่งตรงนั้นครู่หนึ่งและเปลี่ยนไปนั่งใต้ต้นไม้แทน ตรงสวนนี้มีต้นไม้ใหญ่ไม่กี่ต้น แต่ครอบคลุมให้ร่มไม้แก่สวนทั้งสวนได้ทีเดียว




 เออ นั่งพักซักแป๊บหนึ่ง ให้ใจหายจิ๊ดก่อน แล้วค่อยไปเขียนคอลัมภ์ทำร้ายหัวใจก็แล้วกัน ลู่หานบอกตัวเองในใจ ปากบ่นงุบงิบไม่อยากทำเลย เพราะจะต้องมานั่งถอดความจากเทปของคุณชายในดวงใจของตัวเองที่กำลังบอกรักคนอื่น มันเจ็บใจชะมัด


..........
.....
...
...







“คุณจะหลับนานแค่ไหนกันเนี่ย เดี๋ยวก็ฝนตกเปียกกันหมดพอดี ผมกลัวคุณเป็นหวัด ตัวเล็ก ๆ แค่นี้เอง” 



เสียงใครวะ ... ? ลู่หานปรือตาขึ้น เขาหลับเต็มอิ่มและตื่นแล้วในตอนนี้ คิดแว้บแรกนึกออกว่า แค่จะมานั่งฆ่าเวลาอู้งานก่อนไปทำคอลัมน์ใหม่ของโอเซฮุน แต่สุดท้ายดันงีบหลับไปจนได้ แต่ก็มีเสียงหนึ่งบ่นหึ่ง ๆ อยู่ข้างหู เสียงคุ้น ๆ เสียด้วย


เสียงเหมือนในเครื่องเล่นเพลงที่อัดมาก่อนหน้า



“เซฮุน! โอ๊ย – อะไรว้า ตีทำไม”
“มานอนตรงนี้ อากาศก็เย็น คุณเองก็ด้วย ตัวเล็กแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนใครอุ้มไปหรอก ผมไม่ยอมจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนั้น”


ไม่ยอมอะไรของเขาวะ..? แต่เดี๋ยวดิ่? ลู่หานอุทานสับสนอยู่ในใจ พร้อมแสดงสีหน้างงสุดฤทธิ์ประกอบ ฉายให้ชายหนุ่มข้างตัวเห็นถึงความสงสัยจากลู่หานในตอนนี้


“นายมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงน่ะ!? “



พอตื่นเต็มตาจริง ๆ เขาตกใจ ลู่หานเพิ่งพบว่าตัวเองเอนหัวนอนหลับอยู่บนตักของโอเซฮุนอยู่ใต้ต้นไม้ที่เขามานั่ง จำได้อยู่ว่านั่ง และ..เอ่อ หลับไปก็จริง แต่กลายเป็นเขาเอาตักเซฮุนหนุนแทนหมอนไปได้ยังไง



“ตอนคุณหลับอยู่น่ารักดี บ่นอะไรอุบอิบให้ผมขำด้วย”



ตาย! “ ผมพูดอะไร? “ ลู่หานถามเสียงตื่น พร้อมดันตัวเองให้ลุกมานั่งขัดสมาธิตามปกติ หลังจากที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนอนหนุนตักชายหนุ่มอีกคนอยู่นาน



“ก็ไม่แน่ใจ แต่ในประโยคเนื้อความนั้นมีชื่อผมด้วยล่ะนะ”
ตาย! ตายอีก! “เอ่อ... “ เซฮุนยิมมีเล่ห์มีเหลี่ยมจนลู่หานนึกหมั่นไส้ ถึงจะชอบแต่มาล้อกันแบบนี้ คงรู้แล้ว ถึงไม่รู้ก็ต้องระแคะระคายบ้างล่ะว่า ลู่หานคิดอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย คนหล่อที่นั่งตรงหน้า ขยับมาอีกสเตปชิดใกล้กับคุณนักข่าวจำเป็นที่นั่งค้อนขวับบวกกับใจที่เต้นอย่างระทึก


“คุณบ่นว่าผมมีคนที่ชอบแล้ว คุณเจ็บใจชะมัดเลย คุณละเมอว่างั้น” โอเซฮุนกระซิบเสียงนิ่มพร้อมกันนั้นแก้มนิ่มๆของลู่หานก็แดงเป็นลูกเบอร์รี่ต่อหน้าต่อตาเซฮุน โชว์ให้เห็นกันไปเลยว่าอายเลเวลไหน


ตาย!ชิบ! โอย! “ เอ่อ...ลืมไปเหอะ ..คุณลืมไปเหอะ คือยังไง คือผมแบบว่า ...” เสียงหวานตอบเสียงตะกุกตะกัก ไม่เป็นคำ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ลู่หานคิดเพียงแค่ว่ารู้แล้วจะมาย้ำให้ได้อะไร เขายิ่งอาย จนตอนนี้แทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด หรือไม่ก็กระโดดลงสระในสวนนี้ไปดำผุดดำว่ายเล่นกับปลาในบ่อหนีหน้าคนรูปหล่อคนนี้เลยได้มั้ย



“อย่าทำหน้าเหมือนจะหนีผมแบบนั้นซี่ คุณลู่หาน ให้ผมได้บอกอะไรต่อบ้าง คือผมว่าผมยังให้สัมภาษณ์คำถามนั้นไม่จบ คำถามสุดท้ายนั้นน่ะ..”

เสียงนุ่มทุ้มละเสียงไว้ตอนท้าย ละให้คุณนักข่าวที่อยากรู้อยากเห็นสงสัย แต่ลู่หานไม่ขยับใกล้มากกว่านี้แล้ว อันตรายเชียวล่ะ จากที่เขามองตาเซฮุนตอนนี้ เข้าใกล้กว่าคงจมเขี้ยวหมาป่า


เซฮุนมองใบหน้าหวานที่สงสัย คงปริ่มเต็มทน อยากรู้มากว่า ทำไมเขาถึงบอกว่า คำถามนั้นเขายังตอบไม่จบ


“ว่าไง คุณเซฮุน ผมจะได้กดอัดใหม่ หากคุณบอกว่ามันยังไม่จบ “  มือของคุณนักข่าวจำเป็นง่วนกับการตั้งอัดเสียงใหม่ เครื่องมือเล็กๆ อยู่ในมือน้อยๆ แล้ว ลู่หานเบ้ปากหมั่นไส้กับรอยยิ้มล้อกันไม่เลิกของคุณรูปหล่อตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ลู่หานถึงทำตามใจตัวไปเรื่อย ทั้งค้อนเขา ทั้งเม้มปากเรียวแสดงท่าทีหมั่นไส้แต่แก้มอมยิ้มเขินเขาที่ยิ้มให้เสียสั่นสะท้านไปทั้งใจแบบนั้น อีกฝ่ายไม่ใช่ย่อยเลย แววตาน่ากลัวจริง ๆ


เซฮุนที่นั่งได้ระยะดี เขามองหน้าคนสัมภาษณ์ตาหวาน จ้องเข้าไปในดวงตากวางคู่นั้น มีบางเรื่องที่คุณเขายังฟังไม่จบ


“ครับ กรุณาฟังให้จบก่อนคุณจะเบะปากหมั่นไส้ผมอีกครั้งนะ”  พูดจบคุณนักข่าวจำเป็นก็เบะปากใส่ทันทีอย่างเอาแต่ใจ
เซฮุนไม่ว่าอะไร เขาก็ทำตามใจเหมือนกัน ก็ที่เดินออกมาหาเขาหน้าตาตื่นวิ่งออกมาเสียหมดหล่อจากที่เก๊กไว้ตั้งนานแบบนี้ก็เพื่อสิ่งที่อยากจะบอก



““ตอนนี้ผมมีปัญหาอยู่ก็คือ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำให้คนที่ผมชอบเขาตกหลุมรักผมได้อย่างไร ประโยคนี้คือที่ผมทิ้งท้ายไว้ใช่มั้ยครับ?”
คุณนักข่าวตาหวานพยักหน้า เบะปากเม้มปากไปมา อย่างน่ารัก เซฮุนมองคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยวแต่อดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่ายิ้มให้ ลู่หานมองเห็นว่าอีกคนยิ้มให้อีกแล้ว เอ่..รุ้สึกว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไปไหมนะ


ตอนนี้ผมมีปัญหาอยู่ก็คือ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำให้คนที่ผมชอบเขาตกหลุมรักผมได้อย่างไรผมว่าตอนนี้ปัญหานี้ของผมคงหมดไปแล้วล่ะครับ ตั้งแต่ผมรู้ว่าคุณก็ชอบผมเหมือนกัน คุณลู่หาน”
เซฮุนทวนประโยคเดิมและเพิ่มเติมคำใหม่เน้นตรง คุณลู่หาน เสียเต็มเสียงและรอดูปฏิกิริยาจากอีกฝั่ง

และเซฮุนก็พบว่าอีกฝั่ง โคตรน่ารัก!
“หา? !

ตาหวานของคุณนักข่าวเบิกกว้างขึ้น ก่อนที่คุณรูปหล่อตรงหน้าจะทนไม่ไหวไปมากกว่า มือใหญ่ยกมือนั้นมาขยี้แก้มคุณนักข่าวแกมหมั่นไส้ก่อนเสหน้าไปทางอื่นแก้เขิน

โอเซฮุนก็จะตายแล้วเหมือนกันครับ! ก็ที่วิ่งแทบตาย เสียหล่อเก๊กที่เก๊กไว้หมด ก็เพราะลู่หาน ที่เก๊กก่อนหน้าเพราะไม่แน่ใจว่าเขาควรแสดงท่าทีแบบไหนกับคนที่ชอบ ใครจะไปรู้ว่า คิวที่มาสัมภาษณ์เขาจะเป็นคุณลู่หาน คนน่ารักแห่งชมรมนักข่าวและหนังสือพิมพ์ เซฮุนแทบวิ่งไปเสริมหล่อแต่งตัวใหม่ ไม่ใช่มานั่งให้สัมภาษณ์ทั้งชุดนักกีฬาเหงื่อซ่กแบบนี้ แต่มันช่วยไมได้ คุณเขามายืนน่ารักตรงหน้า เก๊กหล่อเท่านั้นทีจะทำได้ในเวลานั้น โอเซฮุนตัวแข็งเก๊กสุดชีวิต เพื่อให้สัมภาษณ์กับคุณตาหวานที่น่ารักของเขา คำถามของคุณลู่หานไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องเรียนและกิจกรรมที่เขาทำ และคำถามสุดท้ายที่ตอบไป นั่นก็ตั้งใจจีบคุณลู่หานล้วน ๆ แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้อะไรเลย แววตาที่เขาส่งไป แถมเหมือนคุณเขาจะไม่ค่อยชอบใจ รีบออกไปแบบนั้น


แต่พอซักพัก ..โอเซฮุนคนนี้คิดว่าไม่ควรให้คุณลู่หานเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ มันไม่ชัดเจน และถ้าหากไม่ทำอะไรตอนนี้ อาจไม่มีโอกาสที่เขาจะมาพบคุณลู่หานใกล้ ๆ อีกก็ได้ เพราะการเรียนกับกิจกรรมเราไม่เคยวนมาใกล้กันเลยซักนิด



 เขาวิ่งสุดชีวิตเท่าที่ทำได้ แต่คิดว่าไหนเลยคุณนักข่าวที่รักจะไปไกล แตมานอนเอนไป ๆมา ๆ ใต้ต้นไม้ พร้อมกับได้ยินเสียงละเมอหวาน ๆ บ่นอุบอิบ และที่ทำให้ใจเต้นกว่านั้น ก็คือเรื่องราวที่คุณเขาละเมอเป็นเรื่องเกี่ยวกับโอเซฮุนคนนี้


“นายชอบใครน่ะโอเซฮุน นายน่ะชอบใคร ฉันเจ็บจิ๊ดเลยรู้มั้ย มันเจ็บใจ” คุณลู่หานบ่นละเมอนั้นแล้วก็หลับต่อไป ตัวเล็ก ๆ เอียงไปเอนมา เพราะนั่งหลับ เขาเลยเดินเข้าไปใกล้ ดีที่นั่งใต้ต้นไม้มันร่มหน่อย เขาคว้าเบาให้ตัวเล็กเอนมาหนุนตัก


และรอกว่าคุณเขาจะตื่นเองแล้วกัน อย่างน้อยก็ขอมองหน้าตาน่ารักนี่ไปพร้อมกับการฟังคุณเขาละเมอบ่นเขาไปก่อน เสียงหวานนั่นน่าฟังน้อยซะเมื่อไหร่
“นาย..โอเซฮุน”
“คุณก็อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมก็เขินเหมือนกันนะคุณ”
“ก็เอ่อ..เดี๋ยวนะไม่เข้าใจ อะไรนาย เอ่อ.? “
“ชอบคุณ ผมชอบคุณ โคตรชอบ คุณน่ารัก คุณนั่นล่ะ คุณลู่หาน!


บอกไปหมดจนครบที่ตั้งใจ เซฮุนยกมือใหญ่ปิดใบหน้ากลบความเขิน บอกตรงหน้าที่เก๊กไว้ก็หายหมด ไม่เหลืออะไรแล้ว แต่คนตรงหน้า ก็เขินน่ารักมากเหมือนกัน มือน้อย ๆ นั้นกำแน่นไม่คลายเลย


คือ...เราจะทำอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้ดี? เซฮุนก็คิดว่าลู่หานคงคิดแบบนี้เหมือนกัน








ตัดไปที่ท้องฟ้า ฝนตั้งเขาจะตกลงมาแล้ว พวกเขาต้องตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะเขินกันจนเปียกฝนไปข้างหนึ่ง หรือจะรีบแหวกความเขินที่มีอยู่ทั่วบรรยากาศตรงนี้แล้วทำอะไรกับมันซักอย่าง

แต่.....



จนฝนหยดเล็กหยาดลงมาล่ะ พวกเขาสองคนถึงจะจับมือวิ่งหนีฝนกันไปพร้อมกัน โดยยิ้มอย่างกับคนบ้าไปแล้ว ไม่พูดอะไรกันซักคำ



............................
..............
.......
.
..
.







“ลู่หาน!

ผ่านมาหลายวันหนังสือพิมพ์รายปักษ์ของมหาวิทยาลัยก็ได้ฤกษ์วางแผง

วันนี้คำว่า ลู่หานคงเป็นคำที่ฮิตที่สุดในมหาวิทยาลัย เพราะว่าสัมภาษณ์ของโอเซฮุนที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ปักษ์ล่าสุดที่ออกวางวันนี้
โอเซฮุนได้รับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้พร้อมกับคำถามมากมายจนเขาต้องหนีมาพักรบที่ดาดฟ้าตึกเรียน มือใหญ่พลิกหนังสือพิมพ์อ่านในคอลัมภ์ของตัวเองในนั้น


“คุณนี่มันขี้หวงจริง ๆ คุณลู่หาน” คนหล่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม คุณนักข่าวเขาเขียนตามสัมภาษณ์ที่เขาตอบไปทุกประโยคเลยแต่ถึงจะหวงเขาก็ยอมหมดใจอยู่เเล้ว











 END ---- SWEET PAPER