TITLE : Twin ~
PAIRING : YANGYANG x LIYIFENG
RATE : PG - 13
RATE : PG - 13
TELL : ฟิคใส ๆ ไม่มีดราม่า กุ๊งกิ๊งแบบหยางเฟิง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เห้ย!”
เสียงอุทานดังขึ้น..พร้อมกัน!
ต้นเสียงเป็นเสียงทุ้มกับเสียงหวานจากคนสองคนที่อยู่ร่าวมชายคาเดียวกันมาได้แล้วพักใหญ่
ๆ
“หยางหยาง..ตัวนั้นมันของฉัน”
“พี่ครับ เราตกลงกันแล้วนี่ครับว่าเซตนี้ทั้งหมดเป็นของผม”
“ที่ไหนกัน”
“อ้าว เฟิงเกอ..”
ทุกเช้าในช่วงเวลาเร่งด่วนก่อนที่ผู้จัดการของทั้งคู่จะมารับทั้งคู่ไปส่งที่ทำงานของแต่ละคนตามตารางงานประจำวันของวันนั้น
ๆ ทั้งคู่ก็ต้องมีเรื่องให้ปะทะฝีปากกันทุกเช้าไป
เรื่องใหญ่และใช้เวลาตัดสินใจนานที่สุดกว่าศึกจะจบลงเป็นเรื่องเสื้อผ้าของทั้งคู่ที่ดันมาแต่งตัวคล้ายกัน
สไตล์เดียวกัน สีที่ชอบก็เหมือนกัน แถมรูปร่างส่วนสูงยังคล้ายกัน
แทบจะไม่ต่างกันเลย บางทีผู้จัดการของทั้งคู่(ที่แม้จะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่)
ก็ยังบอกพวกเขาทั้งคู่เลยว่า
‘แกทั้งคู่ อย่างกะแฝดกัน’
พอได้ยิน หลี่อี้เฟิง เทพบุตรแห่งชาติผู้สดใสก็จะตีโป่งแก้มป่องงอนไม่พูดกะใคร
แล้วก็บ่นเป็นแมวกินผึ้งว่า ผมไม่เหมือนกับหมอนี่(ก็หยางหยางนั่นล่ะ) ซักหน่อย
ส่วนคึนน้องหยางหยาง
หนุ่มน้อยผู้งดงามแห่งชาติจีนก็บ่นไปเรื่อยเป็นหมาหูตั้งอย่างเซ็ง ๆ ว่า
ผมไม่อ้วนอย่างพี่เขา ก็เลยโดนอี้เฟิงสวนกลับมาทันควัน จนผู้จัดการของทั้งคู่ต้องจับแยกฝั่งแดงน้ำเงินทันทีก่อนพาไปทำงาน
วันนี้ก็เริ่มขึ้นอีกแล้ว
“หยางหยาง วางมือนายจากเสื้อตัวนี้ฉันจะใส่”
อี้เฟิงเอ่ยตั้งต้นเสียงขรึมตีหน้าดุ อายุมากกว่า แก่กว่า วุฒิภาวะก็สูงกว่า(มั้ง)
ใบหน้าหวานที่ตีหน้าดุหันไปประจันหน้ากับคนรูปหล่อรุ่นน้องที่ยืนอยู่ห่างไม่กี่ก้าว
ต่างคนต่างไม่ยอมกัน ไม่ยอมปล่อยมือออกจากเสื้อตัวที่เล้งไว้จากราวแขวนเสื้อ
อ้อ... ทั้งคู่ที่อยู่คอนโดห้องเดียว
ก็ยังใช้เสื้อผ้าจากสปอนเซอร์มากกว่า 20 แบรนด์ที่ส่งผ่านมาทางทีมงานตู้เดียวกัน
บางทีจะซ้ำกันบ้าง
วันหนึ่งเซตนี้มาอยู่บนตัวหยางหยางอีกอาทิตย์หนึ่งตัวนี้ไปอยู่ที่หลี่อี้เฟิง
มันก็ไม่แปลก ก็พวกเขาก็ยังทำงานอยู่ภายใต้หัวหน้าคนเดียวกันอยู่กลาย ๆ
แม้ทีมของหยางหยางจะแยกออกมา มันก็แค่เหตุผลทางการเงินเท่านั้น
ทุกอย่างระหว่างทั้งคู่ หยางหยางและอี้เฟิงยังเหมือนเดิมทุกประการ
รวมทั้งเรื่องการศึกเรื่องเสื้อผ้าที่เป็นเรื่องประจำที่เกิดขึ้นทุกวัน
จนผู้จัดการเบื่อจะแยกมวยแล้ว
“เอาอีกแล้วหรอพวกแกเนี่ย..”
เสียงผู้จัดการหัวหน้าใหญ่เอ่ยขึ้นหลังเปิดประตูเข้ามาในคอนโดห้องสูทใหญ่ ก็พบกับภาพเดิม
ๆ ก่อนที่ผู้จัดการใหญ่จะปิดประตูไล่หลังไป แล้วตะโกนข้ามไหล่มาว่า ให้เวลาอีก 15
นาทีให้ทะเลาะเรื่องเสื้อผ้ากัน ไม่งั้นจะโดนหักเงิน
“พี่ ตัวนี้ผมยังไม่เคยใส่เลยนะครับ”
“แต่ฉันอยากใส่อีกรอบ นายเป็นน้องจะต้องเคารพรุ่นพี่แบบฉัน “
หยางหยางถอนหายใจเฮือกใหญ่กับตัวเอง
ก่อนเงยมองหน้าหวานที่ดูมีชัยตรงหน้า อี้เฟิงคิดว่าเขาก็คงชนะศึกในรอบนี้
ส่วนมากเรื่องศึกเสื้อผ้าเขามักจะชนะ
บางทีที่หยางหยางชนะก็เพราะผู้จัดการใหญ่มาจัดการให้
แต่อี้เฟิงก็จะแสดงฤทธิ์เดชจนผู้จัดการใหญ่ต้องปวดหัว เป็นการแก้แค้นที่ไม่ตามใจ
“พี่ครับ”
“ว่าไง”
“ผมใส่ตัวนี้แค่วันนี้ วันหลังมันจะเป็นของพี่”
“แต่ฉันจะใส่วันนี้”
อี้เฟิงยันยืนเป็นมั่นหมอกเสียงหวานพูดดังฟังชัด แถมมีสเตปการพูดเป็นจังหวะเว้นวรรคให้ได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ
บวกกับใบหน้าหวานที่เลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าหล่อเหลาที่ยืนจ้องอยู่ก่อน
“เฮ้อ”
หยางหยางถอนหายใจอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมหรอก การถอนหายใจรอบนี้ไม่ใช่เพื่อการยอมแพ้
แต่เขามีแผนและตัดสินใจจะทำมัน แต่ก็คงต้องเสี่ยงกับฤทธิ์เดชของรุ่นพี่ที่ช่างเอาแต่ใจแบบนี้
“ก็ได้ครับ”
“ดีมากไอ้น้อง”
“แต่ผมมีเงื่อนไข”
อี้เฟิงเลิกคิ้วเอียงคอสงสัย
มือข้างหนึ่งที่คว้าเสื้อตัวที่ชอบอยู่ในมือก็ยังคว้าไว้อยู่แต่อีกข้างที่ว่างกลับโดนพันธนาการ
และยังไม่ทันตั้งสติคิดต่อ ร่างโปร่งของอี้เฟิงก็เปลี่ยนตำแหน่งยืน
“เห้ย!”
หยางหยางกับใบหน้ายิ้มเยาะที่อี้เฟิงเห็น ตรงหน้า ใกล้มาก
ใกล้แบบจมูกชนกัน
“จะทำอะไร!”
หยางหยางไม่ได้บอกต่อ
เงื่อนไขที่เขาเกริ่นไว้กับอี้เฟิงอย่างที่คิดก็คือ เขาจะใส่เสื้อตัวนี้ให้อี้เฟิงเองไงล่ะ
“เห้ย หยางหยาง หยุดนะโว้ย!”
เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อเชิ้ตสีกรมท่า ไม่มีลายมากมายนัก
จะมีแค่ช่วงสาบเสื้อด้านหลังนิดหน่อยเป็นจุดขาว กับตรงปกเสื้อ
ซึ่งตอนนี้มันอยู่ในมือของหยางหยางแล้ว
อี้เฟิงที่ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ถูกหยางหยางต้อนจนชิดมุมสุดผนังถอยหนีไม่ได้
แขนแกร่งของหยางหยางดักทางไว้ อีกฝั่งก็เอาขายันไว้อีก
“หยางหยาง!”
“ผมใจดีช่วยพี่ใส่นะเนี่ย”
หยางหยางจะเอาคืนเขาด้วยวิธีกวนประสาท
อี้เฟิงคิดไม่ถึงจริง ๆ
ไว้จะฟ้องหัวหน้าให้เข็ดหลาบแต่ตอนนี้อี้เฟิงจะต้องพ้นจากวงแขนของหยางหยางที่กลายเป็นหมาป่าล่าเนื้อ(แมว)
ไปให้ได้เสียก่อน
“อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะโว้ย”
“พี่กวนประสาทผมชะมัด”
“นี่นาย!”
“พี่ก็เหมือนกันนั่นล่ะ คนอะไรเอาแต่ใจเป็นบ้า!”
อีกฝั่งต่อว่าเขาเหมือนอัดดฃอั้น แม้อี้เฟิงจะแอบตกใจ สลดไปนิดหน่อย
แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อ อี้เฟิงก็คิดกลับกัน อยากตบไอ้หมาป่านี่ไปไกล ๆ รังสีอันตรายของหมอนี่ไม่ใช่น้อย
ๆ เลย
“เอ่อ....ครั้งนี้พี่ไม่ใส่แล้ว นายเอาไปเลยหยางหยาง “
หยางหยางยิ้มมุมปาก มองแล้วจากสายตาของหลี่อี้เฟิง
รนะดับความร้ายกาจทะลุปรอทไปเลย แม้อี้เฟิงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เริ่มเหงื่อตกเสียแล้ว
และ...
เขาก็ลืมไปว่า
ไปหมาป่าตรงหน้าเขาเนี่ยก็นุ่งกางเกงสแลชดำขายาวอยู่ตัวเดียว
ท่อนบนเปลือยเปล่าเพราะรอเสื้อตัวนี้ที่ยื้อแย่งกันอยู่ไม่จบศึก
ที่เขาว่ากันว่า ไอ้บ้าหยางหยางอันตราย จากคำของพี่ช่างแต่งหน้าสาว ๆ
หรือพี่ทีมงานในกองถ่าย หรือแม้กระทั่งนักข่าวผู้หญิง ..ที่เขาบอกว่า น้องหยางหยางอันตรายนะคะ
นี่คือแบบนี้เองน่ะหรือ
แต่เขาเป็นผู้ชายนะโว้ย!
“ผมใส่ให้พี่ดีกว่า ผมไม่อยากได้เสื้อตัวนี้แล้ว”
หยางหยางมองใบหน้าหวานของแมวน้อยในวงแขนตัวเองแล้วยิ่งชอบใจไปกันใหญ่
ปกติหลี่อี้เฟิง รุ่นพี่ของเขาคนนี้ฤทธิ์เยอะ แรงเยอะ
ศึกกันทีไรก็โดนฟาดมาสองสามเปรี้ยงทุกที ความโกรธเคืองสะสมทุกวัน
ในครั้งแรกที่เขาคิด ก็แค่คิดเพียงว่าจะต้องยอมรุ่นพี่ไป แต่มากครั้งเข้า
หยางหยางก็คิดว่า รุ่นพี่คนนี้เอาแต่ใจเป็นบ้า อย่างที่เขาตะโกน(เบา ๆ )
ใส่คนหน้าหวานช่างเอาแต่ใจไปเมื่อครู่นี้ แอบเห็นว่าก็มีสลดไปบ้าง
แต่ก็กลลับมามองเขาด้วยสายตาแมวดุอีกรอบ เอาเรื่องทีเดียว
เป็นรุ่นน้องแต่ก็อยากให้รุ่นพี่ลดฤทธิ์เดชลงบ้าง
หยางหยางที่โตมากบัความเป็นระเบียบเรียบร้อย กับความเอื้อเฟื้อของหมู่ทหาร
แบ่งปันซึ่งกันและกัน คนที่เอาแต่ใจขนาดแย่งเสื้อกันทุกเช้าแบบนี้
เขาก็เพิ่งเคยพบเคยเจอ
แต่หยางหยางก็นึกแปลกใจตัวเองที่ยังทนอยู่กับคน ๆ นี้
ภายใต้ชายคาคอนโดเดียวกันเป็นปี ๆ ได้ โดยไม่คิดจะขอย้ายออกไปซักนิด
ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่หยางหยางจะขอทำเรื่องย้ายไปอยู่ข้างนอกคนเดียว
หรือแยกห้องไปที่อื่น คอนโดนี้ม่ครบครันทุกอย่าง
ห้องแยกสองฝั่งสองโซนแต่ก็มีโซนที่ต้องใช้ร่วมกันอย่างห้องนั่งเล่น บาร์ ห้องครัว
เป็นต้น แต่ถ้าหยางหยางขอไปอยู่ห้องใหม่ ผู้จัดการใหญ่ก็อนุญาตได้ไม่มีปัญหา
เพราะเขาเองก็โตที่จะรับผิดชอบชีวิตได้แล้ว แต่ก็อย่างที่คิด..เขาไม่เคยคิดขอย้ายเลย
ยอมมาทะเลาะกับแมวตัวนิ่มเอาแต่ใจทุกวันแบบนี้
หยางหยางเองก็ไม่เข้าใจ
อ้อ.. แมวตัวนิ่ม ? ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นน่ะหรือ ?
เพราะตอนนี้ตำแหน่งของวงแขนหยางหยางเปลี่ยนไปเป็น
รวบคนเอาแต่ใจมาอยู่ในกอดของเขาแล้วยังไงล่ะ
“หยางหยาง ปล่อย!”
“อะไรกันเฟิงเกอ ก็ผมจะแต่งตัวให้ไง พี่อยากได้เสื้อตัวนี้ใช่มั้ยล่ะ”
ไม่แค่รวบคนตัวนิ่มเอาแต่ใจมากอดไว้เท่านั้น
หยางหยางลากพาอี้เฟิงไปตรงโซฟาที่อยู่ตรงริมผนังของห้องแต่งตัวหรูหราของคอนโด
กดไหล่ด้วยแรงที่มากกว่าเพราะการออกกำลังของตนให้อี้เฟิงนอนเอนราบไปกับพื้นที่นั่งของโซฟา
“ดะ..เดี๋ยว ว้อย”
อันตรายจริง ๆ ด้วย! หลี่อี้เฟิงพูดกับตัวเองในใจ
พร้อมกับเปิดสัญญาณเตือนอันตรายในใจตัวเองไปด้วย
แปะหน้าผากให้ไอ้หมาป่าบ้านี่ว่าเป็นคนอันตรายที่สุดในชีวิตที่หลี่อี้เฟิงไม่ควรเข้าใกล้และไปเข้าใจอะไรมัน
“นอนนิ่ง ๆ ล่ะ”
“นิ่งกับป้าแกสิวะ”
เถียงกันอีกประโยคสองประโยค
อี้เฟิงก็ออกแรงดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของหยางหยาง แต่ไร้ประโยชน์ในที่สุด
เพราะอีกคนแรงเยอะจนอี้เฟิงคาดไม่ถึง แถมยังเอาตัวโต ๆ
ของตัวเองมาคร่อมร่างของอี้เฟิงไว้อีก ไม่พ้นเอเรียอันตรายนี้ซักที
ใบหน้าหวานหันซ้ายขวามองช่องที่พอจะรอดได้ แต่มีหรือว่ารอดพ้นสายตาหยางหยาง
หาไม่เจอ... อี้เฟิงโอดครวญในใจ หาทางหนีไม่ได้
แถมระยะของหยางหยางอยู่ใกล้กันจนเห็นสิวบนหน้ากันเลย อี้เฟิงจึงงัดความสามรถพิเศาเฉพาะเทพบุตรแห่งชาติเท่านั้นที่ทำได้และกล้าทำ
“ปล่อยฉันเถอะนะ นะ ๆ ครั้งหน้าจะไม่เอาแต่ใจ”
หยางหยางหยุดสนิท.... จากที่ใบหน้าหล่อนั้นกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
พร้อมมือข้างหนึ่งที่จงใจจะปลดสายเสื้อคลุมที่รัดไว้ตรงช่วงเอวของอี้เฟิง
ทุกการกระทำหยุดชะงัก ดวงตาของหยางหยางเปลี่ยนแววตาไปเล็กน้อย
ก่อนกลับมาอันตายแบบเดิม
“ฮึ”
ฃายหนุ่มรุ่นน้องทำแค่เพียงหัวเราะฮึแค่คำเดียวออกมา
ถึงแม้ว่าจะถอยร่นระยะ แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้อี้เฟิงลุกจนโซฟาไปอยู่ดี
ตอนนี้หยางหยางยังคร่อมร่างอยู่ไม่ลุกไป อี้เฟิงนิ่วหน้าขมวดคิ้ว ที่ทำไปเมื่อครู่
คือความสามารถเฉพาะตัวเลยคือ ลูกอ้อนที่ใช้กับทุกคนและได้ผลทุกราย
มันจะยกเว้นในกรณีของหยางหยางรึเปล่า
“ครับ ๆ ยอมแล้ว ลูกอ้อนแบบนี้ของพี่ มันก็ใช้กับผมได้ผลนะล่ะ”
เยส! อี้เฟิงร้องดีใจในใจ
รู้งี้เขาใช้ลูกอ้อนกับหยางหยางไปตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง ถึงจะคิดว่าใช้บ่อย ๆ
มันก็ไม่ดี แต่รอบนี้ ศึกนี้อี้เฟิงชนะอีกตามเคย
“...ละลุกออกไปจากตรงนี้ซักที ฉันจะไปแต่งตัว”
“อยู่แบบนี้ซักพักนะครับ”
ครั้งนี้หยางหยางไม่เข้าใจตัวเอง
เหมือนกับอีกคนที่เมื่อบอกแบบนี้ไปก็ตีหน้างงใส่คนพูด
ไม่แน่ใจเหมือนกัน...แต่ใกล้กับหลี่อี้เฟิงขนาดนี้ ใจเขาเต้นเร็วชะมัด
ขออยู่ไปอีกซักพักแล้วกัน ขอดูว่ามันอาการเป็นอย่างไร
ใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า
“เอ่อ...ทำไมหรอ”
“ให้ผมแน่ใจบางอย่างก่อนนะ”
แววตาอันตรายแบบเมื่อก่อนหน้าหายไปแล้ว
เหลือเพียงความใจดีอีกโหมดของหยางหยาง
ตอนนี้อี้เฟิงเลยผ่อนคลายได้นิดหน่อยแม้ยังอยู่ในวงแขนของหยางหยาง
ร่างสมส่วนที่คร่อมอยู่ด้านบนร่างของอี้เฟิงอยู่ในระยะอันตราย
ตากลมเงยมองใบหน้ารุ่นน้องที่อยู่ด้านบน เขาไม่เข้าใจหยางหยาง
แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วยที่ยอมให้เขาค้างอยู่ในท่าทางอันตรายที่ผู้จัดการจะเปิดประตูมาเห็นเมื่อไหร่ก็ได้แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ถ้านานกว่านี้ อี้เฟิงคิดว่ามันไม่ดีแน่ ๆ
อย่างน้อยก็ต่อหัวใจของเขาเอง
จะหยุดเต้นอยู่แล้ว
“ว่าไง นายอยากแน่ใจอะไร”
“อืม...”
เสียงทุ้มเพียงแค่เปล่งเสียงครางต่ำออกมา เหมือนกำลังตัดสินใจ
เขาหลับตาด้วย อี้เฟิงลอบมองอยู่ครู่ใหญ่
พลางคิดไปว่าหมอนี่โคตรหล่ออย่างที่หลายคนว่า
จนในที่สุดหยางหยางก็เอ่ยอะไรบางอย่าง
“ตัวพี่หอมดี”
คนละอย่างกับที่อยากจะพูดออกไป
หยางหยางกลั่นความแน่ใจคำตอบสุดท้ายว่า
เขาต้องหวั่นไหวจนเผลอตกหลุมรักแมวน้อยตัวนิ่ม อย่างรุ่นพี่หลี่อี้เฟิงเสียแล้วแน่ๆ
ทั้งเอาแต่ใจ ดื้อแพ่งแบบนี้ แต่เมื่อครู่ลูกอ้อนตาแป๋ว
หยางหยางสุดจะต้านทาน ใจกระตุกและเต้นถี่รัวจนน่ากลัว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมถึงยอมอยู่แย่งเสื้อกับหลี่อี้เฟิงทุกวัน
เขาเผลอไปตกหลุมรักแมวตัวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
หรืออาจจะเป็นแรกที่ได้สบตากลมโตใบหน้าน่ารักนั่นกัน
“ขอโทษที่แกล้งพี่แรงไปหน่อย แต่พี่ก็เลิกเอาแต่ใจซักที” พูดจบหยางหยางก็ลุกจากที่เดิมไป
จากที่คร่อมร่างอี้เฟิงอยู่ก็ไปนั่งปลายโซฟา
อี้เฟิงจึงขยับไปอีกฝั่งของโซฟาตรงข้ามกับหยางหยาง ชืดมุมไปเลย
ทำยังไงก็ได้ให้ห่างจากหยางหยางที่สุด
และเมื่อหยางหยางบอกทั้งขอโทษและคำพูดที่ดูเหมือนละลาบละล้วงรุ่นพี่
แต่เขาคิดว่าเขาสนิทกับหลี่อี้เฟิงในระดับที่จะกล้าพูดอะไรแบบนี้ต่อกันได้
แต่ก็กลัวใจอีกคนว่าจะโดนสวนกลับมา เขาว่าอีกฝ่ายแบบนี้ไปสองรอบแล้ว
“เออ รู้แล้ว จะไม่ทำแล้ว”
คนหล่อแปลกใจเลิกคิ้วเอียงใบหน้ามอง
อี้เฟิงเห็นเหมือนอีกคนจะไม่เชื่อคำเขาก็งอนค้อนใส่
“ก็อย่างที่พูด จะไม่เอาแต่ใจแล้ว โอเคมั้ยล่ะ ไม่แย่งเสื้อนาย
ไม่ขโมยขนมนายด้วย”
อี้เฟิงสารภาพความผิดอีกอย่างที่ทำเป็นประจำออกมาให้หยางหยางฟัง พออีกฝ่ายได้ฟังก็ร้องอ๋อเบา
ๆ ออกมา เพราะรู้ตัวการคดีขนมที่หายไปของตนแล้ว แต่อี้เฟิงก็หลบเบี่ยงตัวออกมา
ก่อนที่หยางหยางจะกดตัวเองลงไปนอนกับพื้นโซฟาอีก
“พี่นี่มัน...” น่ารักเป็นบ้า
หยางหยางละบางคำไว้ในใจแม้อี้เฟิงจะทำแสบกับเขาไว้เยอะ แต่รุ่นพี่คนนี้น่ารักจนเขาอยากอยู่ใกล้ไปนาน
ๆ นี่ล่ะ คือเหตุผลที่เขาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับหลี่อี้เฟิงแม้จะเจอเรื่องยุ่ง ๆ
แทบทุกวัน
“อะไรเล่า ก็สารภาพแล้วไง แล้วตกลงเสื้อน่ะยังไง
ให้ฉันหรือนายจะไปใส่เอง”
“พี่เอาไปเหอะ รีบไปเลย ก่อนผมจะอยากทำอะไรพี่อีกรอบ”
“ไอบ้า!”
อี้เฟิงรีบคว้าเสื้อที่ยื้อแย่งกันมาแล้ววิ่งออกจากตรงหน้าไป
วิ่งเข้าห้องตัวเอง ปิดประตูไล่หลังปังใหญ่
หยางหยางที่มองตามไปก็คิดตามทุกสเตปก้าวของหลี่อี้เฟิง
“ทำไมฉันถึงมองไอคนจอมยุ่งแบบหลี่อี้เฟิงว่าน่ารักไปได้วะเนี่ย” แล้วเขาก็หัวเราะออกมา
อีกอย่างหนึ่ง ตอนที่หลี่อี้เฟิงอยู่ใต้ร่างเขา ระยะใกล้แค่นั้น
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายก็เถอะ..ถ้าเขาไม่อดใจ
จะทำยังไงแมวตัวน้อยก็ไม่รอดมือเขาอยู่ดี รอบนี้เขาก็จะปล่อยให้ดีใจไปก่อนแล้วกัน
“ให้ตาย ๆ “ อี้เฟิงที่รีบวิ่งเข้ามาในห้อง รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย
(และมิดชิด) ทันทีที่เข้ามา ก่อนจะเอาหัวปักหมอนไปร้องตะโกนเอาความในใจออกมา
“บ้าจริง เขินโว้ย”
แม้ตะโกนดังแต่เสียงหวานที่เปล่งออกมาก็ไม่น่าจะทะลุออกจากห้องไปได้
เพราะอี้เฟิงตะโกนใส่หมอนอู้อี้จนแทบฟังไม่เป็นคำหากใครมาได้ยิน เมื่อจบก็ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงบนเตียง
ใบหน้าแดงก่ำเป็นลูกเบอร์รี่
“อันตราย หยางหยางมันอันตรายจริง ๆ ด้วย”
อี้เฟิงนึกไม่ออกเลยว่าถ้าหมอนั่นไม่หยุดการกระทำตัวเองและยังคร่อมร่างของเขาเอาไว้
ต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้น
จะผู้หญิงผู้ชายก็ช่าง แต่อยู่ใต้ร่างหมาป่าล่าเนื้ออย่างหยางหยางแบบเมื่อก่อนหน้านี้
เขาต้องโดนทำอะไรบางอย่างแน่ ๆ
หลายคนจะจินตนาการไม่ออกเลย ถ้าไม่อยู่สถานการณ์นั้นด้วยตัวเอง
แต่หยางหยางในสถานการณ์เมื่อครู่น่ากลัวจนอี้เฟิงไม่แม้แต่จะกล้าขัดขืน
หรือตะโกนอะไร แววตา ท่าทาง รังสีที่เปล่งออกมา ทำเอาอี้เฟิงต้องขดม้วนตัวให้เล็กที่สุด
เป็นการปกป้องปราการสุดท้าย ถ้าไม่ไหว หรืออีกฝ่ายไม่หยุดก็คงมีอะไรต่อไป
ไม่รู้อีกฝ่ายจะรู้ตัวรึเปล่าว่าแผ่รังสีอะไรออกมาให้คนอื่นเขากลัวตัวเองขนาดไหน
อี้เฟิงได้แต่ถอนหายใจ ก่อนลุกไปแต่งเผ้าผมให้เรียบร้อยไปพลาง ๆ
เมื่อครู่นี้ เอาจริง ๆ ถ้าเข้าจะดิ้นหนีให้ถึงที่สุด ก็น่าจะรอดไปได้
ถีบให้หยางหยางจุดไปเลยก็ทำได้ แต่อยู่ ๆ เขาก็ไม่อยากทำ
กลับกลายเป็นรอดูท่าทีของหยางหยางเสียเองทั้งที่กลัวเขาจะทำอะไรตัวเองมากขนาดนั้น
อี้เฟิงคิดแล้วก็ไม่เข้าใจตัวเอง และ ณ ขณะที่ลุ้นเหตุการณ์ลำดับถัดไปในช่วงเวลาก่อนหน้า
หัวใจของหลี่อี้เฟิงคนนี้แทบหยุดเต้น
เพราะชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ทำให้เขามีความรู้สึกเปลี่ยนอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามันจะใช่และเป็นไปได้
แต่เขาขอไม่นิยามมันก่อนแล้วกัน แต่ให้รับรู้แค่ว่า
หยางหยางแทบทำให้หัวใจของหลี่อี้เฟิงหยุดเต้นเมื่อเข้าใกล้กันก็พอ
“พวกแกน่ะ ฉันให้แต่งตัว 15 นาที ไม่ใช่ 15 ชาติ บ้าจริง ๆ “
รอนานเข้าผู้จัดการก็ต้องรีบเข้ามาตามอีกที ครั้งนี้เพื่อป้องกันการศึกในห้องนี้
เขาเพียรไปหาเสื้อที่เหมือนกันแบบเดียวกันไซส์เดียวกันอีกตัวมาให้ผู้พ่ายแพ้ใส่
ผู้จัดการก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นหยางหยาง
พอเข้ามาก็เลยโยนเสื้อให้หยางหยางไปและสั่งให้ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย
เตรียมตัวออกไปทำงาน
“ไว้วันหลังจะให้สปอนเซอร์เอาเสื้อมาให้อย่างละสองเซต
เครื่องประดับด้วย รองเท้า หมวก ทุกอย่าง พวกแกจะได้ไม่ต้องแย่งกันแบบนี้อีก เอาให้เป็นแฝดจริง
ๆ กันไปเลยดีมั้ย ให้ตายนี่ฉันเป็นเมเนเจอร์ดาราหรือพี่เลี้ยงเด็กว่ะเนี่ย...”
และอีกหลายร้อยคำที่ผู้จัดการใหญ่บ่นก่อนเดินออกไปจากห้อง
ทั้งสองคนที่แต่งตัวเรียบร้อย(แล้ว) รีบเดินตามไป ก่อนที่ผู้จัดการใหญ่จะองค์ลงโมโหเกรี้ยวกราดกว่าเดิม
หยางหยางเดินตามหลังมาในขณะที่อี้เฟิงรีบจ้ำอ้าวตามหลังผู้จัดการใหญ่ไปติด ๆ
เหมือนตั้งใจทิ้งระยะห่างกับหยางหยางมากกว่าเดิมอย่างที่ทำอยู่ทุกวันที่จะเว้นแค่ไม่กี่ช่วงตัว
แต่หยางหยางอยากคุยด้วย เลยรีบก้าวให้ไวกว่า
คว้าแขนพี่ร่วมห้องให้มาเดินข้างเขา อีกคนร้องอุทานออกมานิดหน่อย แต่เบาไว้
กลัวผู้จัดการใหญ่จะเอ็ดขึ้นมาอีก
เพราะแค่ทุกวันที่ทะเลาะกันเขาก็ปวดหัวด่ากราดใส่เขาสองคนทุกวันอยู่แล้ว
“อะไรของนายเนี่ย”
“ผมแค่อยากให้พี่มาเดินข้าง ๆ ผม”
“ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย”
“ก็ผู้จัดการใหญ่แกอยากให้เราเป็นแฝดกันไง”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”
“เกี่ยวกับสิครับพี่ เอ้า เดี๋ยวสิ สร้อยข้อมือพี่ยังไม่มีเลย
เอาเส้นนี้ของผมไปใส่ ทีนี้วันนี้เราก็จะแต่งตัวคล้ายกันมากเลยนะ
ใกล้ความเป็นแฝดไปอีกขั้น”
“คิดอะไรตลกจริง”
อี้เฟิงค่อนขอดแต่ก็รับสร้อยข้อมือจากหยางหยางมาใส่ เมื่อถึงขั้นล่าง
อี้เฟิงและหยางหยางลงจากลฟต์มา ทีมงานของทั้งสองฝั่งดุเหมือนจะประหลาดใจเล้กน้อย
เพราะไม่แน่ใจว่าเด็กคนไหนเป็นใคร เดี๋ยวจะรับผิดรับถูกไปส่งผิดสตูดิโอ
คนไหนหยางหยาง คนไหนหลี่อี้เฟิง พวกเธอจะต้องเพ่งมองให้ดีแล้ว
เพราะสองคนนี้คล้ายกันจริง ๆ
“ไปก่อนนะครับ”
“เออ”
ผู้จัดการใหญ่เดินมาส่งที่ลานจอดรถของอาคาร
ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันขึ้นรถของทีมงานตัวเองไปทำงาน กันคนละที่ของเมือง
ก่อนปิดประตูรถ หยางหยางเอียงมองรุ่นพี่นิดหน่อย
พบว่าเขากำลังง่วนในการใส่สร้อมข้อมือที่ตนเพิ่งให้ไปเมื่อครู่
หยางหยางจึงบอกให้พี่ทีมงานของตนรอซักครู่ก่อนวิ่งไปหารุ่นพี่ของตนที่อยู่บนรถอีกคันตรงข้าม
“มาครับ ผมช่วย”
อี้เฟิงเห็นรุ่นน้องวิ่งมาก่อนแล้วก็ปล่อยให้เขาทำตามใจ
พอใส่เสร็จอีกฝ่ายก็ยังไม่ละไปจากข้อมือของตัวเองก็ประหลาดนิดหน่อยแต่เขาไม่ถาม
“พรุ่งนี้เป็นเสื้อยืดขาว แจ็คเกตดำ กับรองเท้าอดิดาสรุ่นใหม่นะครับ เครื่องประดับก็เป็นสร้อยข้อมือเส้นเดิมของวันนี้แล้วกัน”
“เออ”
อยู่ ๆ รุ่นน้องก็เสนอแพลนการแต่งตัวของพรุ่งนี้มาให้
แต่แปลกที่อี้เฟิงรับคำเข้าใจดิบดี และหยางหยางก็ถอยกลับไปที่รถตัวเอง
แต่ก่อนจะหันหลังกลับไป
รุ่นน้องจอมกวนประสาทส่งยิ้มแถมหยักคิ้วใส่ให้เพิ่มความกวนคูณสองส่งมาให้ด้วย
อี้เฟิงแค่ยิ้มตอบและส่งค้อนเบะปากอย่างที่ทำบ่อย ๆ ให้ไปเท่านั้น
“งั้นวันนี้ สร้อยข้อมือนี่ ก็ขอเก็บไว้ ใส่ไม่ต้องถอดเลยแล้วกัน”
******** END Twin ~*************